อุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์มีซัพพลายเออร์ และผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และต้องเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายธุรกิจต้องปรับตัวหันมาใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่  การนำเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ ทำให้ธุรกิจขนส่งต้องเพิ่มความสามารถ  เพื่อการปรับตัวให้เข้ากับนวัตกรรมใหม่นี้ เพราะความจำเป็นต้องรักษาลูกค้าและความคล่องตัว แต่ถ้าหากเลือกที่จะไม่ใช้วิธีการทางเทคโนโลยีนี้ และยังใช้วิธีการแบบเก่าก็อาจจะขัดขวางและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาธุรกิจได้  ความจริง ก็คือเป็นไปไม่ได้เลย สำหรับบริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ที่จะแข่งขันในยุคนี้  โดยไม่ล้างกระบวนการที่ซับซ้อนและระบบไอทีเก่าก่อน และนี่คือ 5 วิธีที่เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยธุรกิจขนส่ง

1.ข้อมูลเป็นระบบอัตโนมัติและสามารถมองเห็นภาพรวมทั้งระบบ

 ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ใช้เอกสารที่เป็นกระดาษจำนวนมากและต้องจัดการกับข้อมูลมากมาย ดังนั้นความก้าวหน้าล่าสุด  ก็คือ ระบบจะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ทำงานได้มากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางของเครือข่ายขนส่งของธุรกิจ  และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณจำนวนผู้ขับขี่และรถบรรทุกส่งสินค้าที่ธุรกิจขนส่งต้องการทุกวัน  ระบบยังทำให้ง่ายสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องเพื่อการติดตามการส่งมอบตรงเวลา  เทคโนโลยียังช่วยให้ธุรกิจคาดการณ์ความต้องการทรัพยากรทั้งหมดของธุรกิจ  รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเวลา บุคลากรและความสามารถอื่น ๆ ที่จำเป็น  เทคโนโลยีจะมาเป็นตัวเปลี่ยนเกมธุรกิจขนส่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเป็นผู้ควบคุม รอบรู้  ซึ่งทำให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมของห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากมีข้อมูลที่โปร่งใสและใช้ร่วมกันได้

2.สามารถตั้งค่าและเลือกโหมดการทำงานที่เหมาะสมเพื่อการตัดสินใจทันที

บริษัท ขนส่งและโลจิสติกส์ควรเลือกโหมดการทำงานที่เหมาะสมเพื่อจัดการกับปัญหา  สิ่งนี้มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนภัยคุกคามมาเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจ  โหมดการทำงานที่พวกเขาเลือกจะถูกกำหนดได้โดยระบบขึ้นอยู่กับสถานการณ์และหัวข้อที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่  ธุรกิจอาจจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่อยู่ในมือขององค์กรเพื่อแก้ปัญหา  ธุรกิจสามารถควบคุมโซลูชันได้  ดังนั้น ธุรกิจจึงสามารถพลิกสถานการณ์ให้ได้เปรียบในการแข่งขัน  โดยเฉพาะโครงการของธุรกิจที่มีหลายสาขา

3.แพลตฟอร์มดิจิตอล

ระบบการจัดการขนส่งที่เป็นแพลตฟอร์มดิจิตอลนี้ส่งผลให้เกิดการแข่งขัน   ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โมเดลธุรกิจที่อนุญาตให้ทุกคนเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เกิดการการส่งมอบต่อกัน ตรวจสอบและได้ให้ผลลัพธ์ซึ่งกัน  นี่คือ แนวโนมของการดิสรัปชั่น (Disruption)  ของธุรกิจขนส่งสินค้า

4.เทคโนโลยีทำให้เกิดการให้บริการลูกค้าแบบใหม่

รูปแบบการขนส่งและโลจิสติกส์แบบดั้งเดิม  จะถูกแทนที่ด้วยการขนส่งแบบใหม่ด้วยการใช้เทคโนโลยี          จะสามารถตอบสนองเฉพาะความต้องการ แบบรายบุคคล หรือ แบบส่งมอบหลายสถานที่รับ  ดังนั้น เป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบสัญญา contract  สามารถเพิ่มการบริการในรูปแบบมิติอื่นๆ  นอกเหนือจากสิ่งที่ธุรกิจเคยนำเสนอให้แก่ลูกค้า เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อยอดโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจ

5.เทคโนโลยีขั้นสูงสามารถต่อยอดธุรกิจได้

 ปัจจุบัน ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์บางแห่ง นำโดรนและหุ่นยนต์ ยานพาหนะไร้คนขับ  มาใช้ในการดำเนินงาน และถ้าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้ประสบความสำเร็จ ธุรกิจขนส่งก็ต้องพิจารณาเรื่องความรับผิดชอบการให้บริการ การควบคุมการทำงาน และการรับพนักงานเข้าทำงาน 

ทีมา  ;  cerasis